วัดศรีชุม เป็นโบราณสถานในเขตอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จังหวัดสุโขทัย สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยพ่อขุนรามคำแหง พระประธานในมณฑปจึงมีชื่อว่า “พระอจนะ” วัดนี้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่ หน้าตักกว้าง ๑๑.๓๐ เมตร สูง ๑๕ เมตร วัสดุปูนปั้น แกนในก่ออิฐและศิลาแลง องค์พระพุทธรูปมีขนาดใหญ่เต็มวิหาร ศิลปะแบบสุโขทัย ซึ่งมีนามว่า “พระอจนะ” คำว่า”อจนะ” แปลได้ว่าผู้ที่ไม่หวั่นไหว หรือผู้ที่ไม่ไหวติง องค์พระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ในวิหาร
ลักษณะของวิหารสร้างเป็นรูปสี่เหลี่ยมลักษณะคล้ายมณฑป แต่หลังคาพังทลายลงมาหมดแล้ว เหลือเพียงผนังทั้งสี่ด้าน ผนังแต่ละด้าน ก่ออิฐถือปูน พระมณฑปกว้างด้านละ 32 เมตร สูง 15 เมตร ผนังหนา 3 เมตร ผนังทางด้านใต้เจาะเป็นทางทำบันได ในผนังขึ้นไปถึงหลังคา ตามฝาผนังอุโมงค์มีภาพเขียนเก่าแก่แต่เลอะเลือนเกือบหมด ภาพเขียนนี้มีอายุเกือบ 700 ปี เพดานผนังมีแผ่นหินชนวนสลักภาพลายเส้นเป็นเรื่องในชาดกต่างๆ มีจำนวน 50 ภาพ เรียงประดับต่อเนื่องกัน ทั้งหมดนี้ถือได้ว่าเป็นงานจิตรกรรมไทยที่เก่าแก่ที่สุด
ตำนานพระอจนะ พระพูดได้ มาจากเรื่องราวเมื่อในสมัยอยุธยาเมื่อครั้งสมเด็จสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ประกาศอิสรภาพในปี พ.ศ. ๒๑๒๗ ที่เมืองแครง ทำให้หัวเมืองต่างๆ ยกเลิกการส่งส่วยให้กับพม่า แต่ยังมีเมืองเชลียง (สวรรคโลก) ที่ไม่ยอมทำตามพระราชโองการของพระองค์ พระองค์จึงนำทัพเสด็จมาปราบเมืองเชลียง และได้มีการมาชุมนุมทัพที่วัดศรีชุมแห่งนี้ก่อนที่จะไปตีเมืองเชลียง และด้วยการรบในครั้งนั้นเป็นการรบระหว่างคนไทยกับคนไทยด้วยกัน ทำให้เหล่าทหารไม่มีกำลังใจในการรบไม่อยากรบ พระองค์ท่านต้องการสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่เหล่าทหาร สมเด็จพระนเรศวรจึงได้วางแผนสร้างกำลังใจให้กับทหาร โดยได้มีพิธีเสี่ยงทายกับพระพุทธรูป โดยได้เสี่ยงทายว่า การรบครั้งนี้หากจะได้รับชัยชนะกลับมาก็ขอให้พระอจนะกล่าวตอบ แต่หากไม่ชนะก็ไม่ต้องตอบสิ่งใด ผลปรากฏว่าพระอจนะกล่าวตอบกลับมาจริง ๆ
สาเหตุที่ทำให้พระพูดได้ จริง ๆ แล้วหาใช่ปาฏิหาริย์แต่อย่างใด หากแต่เป็นกุศโลบายของสมเด็จพระนเรศวรฯ และความลับที่ซ่อนอยู่ที่ตัววิหารวัดแห่งนี้ ซึ่งจะมีช่องประตูเล็ก ๆ ตรงทางเข้า สามารถเดินเข้าไปได้ เมื่อเดินไปตามช่อง จะพบบันไดพาขึ้นไปที่หลังองค์พระได้ และเดินขึ้นไปถึงบนหลังคาวิหารได้อีกด้วย ผนังด้านข้างขององค์พระอจนะมีช่องเล็กๆ ถ้าหากใครแอบเข้าไปทางอุโมงค์แล้วไปโผล่ที่ช่องนี้ และพูดออกมาดัง ๆ ผู้ที่อยู่ภายในวิหารจะต้องนึกว่าพระอจนะพูดได้ และเสียงพูดนั้นจะกังวานน่าเกรงขาม
โดยก่อนทำพิธีเสี่ยงทาย สมเด็จพระนเรศวรฯ โดยการให้ทหารคนหนึ่งปีนบันไดขึ้นไปทางด้านหลังองค์พระ และพูดให้กำลังใจแก่เหล่าทหาร ทำให้ทหารเกิดกำลังใจที่จะต่อสู้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดตำนานพระพูดได้ที่วัดศรีชุม นอกจากนี้สมเด็จพระนเรศวรยังได้มีการทำพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาขึ้นที่วัดแห่งนี้ด้วย
ตามหลักฐานระบุว่าวัดแห่งนี้ได้มีการบูรณะครั้งใหญ่ในสมัยพระเจ้าลิไท และมีการดูแลบูรณะเรื่อยมา สันนิษฐานว่าวัดนี้ได้ถูกทิ้งร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย
จนกระทั่งในสมัย รัชกาลที่ 9 ได้มีโครงการบูรณปฏิสังขรณ์ ในปี พ.ศ. 2495โดยเริ่มมีการบูรณะพระพุทธรูปพระอจนะ โดยศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี และอาจารย์เขียน ยิ้มสิริ องค์พระที่เห็นในปัจจุบัน ได้รับการปั้นใหม่ทั้งองค์