พระสุนทรีวาณีทรงเป็นเทวีที่เกิดขึ้นในวัดสุทัศนเทพวราราม โดยมีความสัมพันธ์กับคาถาบทหนึ่งในคัมภีร์สัททาวิเสส ซึ่งถือกันว่าเป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ พระเถระเจ้าในอดีตมักสั่งสอนบรรดาสานุศิษย์ให้บริกรรมคาถานี้ก่อนที่จะเริ่มเรียนพระปริยัติและก่อนเข้าที่ภาวนาทุกครั้ง เนื้อคาถามีดังนี้
มุนินทะ วะทะนัมพุชะ คัพภะสัมภะวะ สุนทะรี
ปานีนัง สะระณัง วาณี มัยหังปิณะยะตัง มะนังฯ
กล่าวกันว่าผู้ใดได้เจริญภาวนาด้วยพระคาถานี้ให้มากมั่นแล้ว จะเกิดอานิสงส์ทางสติปัญญา ความทรงจำและนำความคิดให้พ้นจากความขัดข้องหลงลืมได้
พระสุนทรีวาณี นั้นเป็นพระปางพิเศษ เป็นรูปเทพธิดาทรงอาภรณ์อันงดงามวิจิตร พระหัตถ์ขวาแสดงอาการกวัก อันหมายถึงการเรียกเข้ามาหา นัยน์ว่าเป็นการเรียกสิ่งดีๆต่างๆเข้ามาหาผู้บูชา พระหัตถ์ซ้ายหงายอยู่บนพระเพลา (หน้าตัก) มีดวงแก้ววิเชียร (เพชร) อยู่ในพระหัตถ์ พระสุนทรีวาณีเป็นพระซึ่งเกิดจากนิมิตแห่งคาถาสุนทรีวาณี ซึ่งเป็นคาถาที่ปรากฏในคัมภีร์สัททาวิเสส มี 32 คำ พระคาถานี้เป็นพระคาถาศักดิ์สิทธิ์ ผู้ใดเมื่อเรียนพระไตรปิฎก เรียนพระธรรม เรียนวิชา ภาวนาแล้วสามารถดับอวิชชา บังเกิดปัญญางาม ปัญญากลายเป็นสัญญา(สัญญา — ความจำได้หมายรู้) คือความทรงจำอันเลิศล้ำ โบราณาจารย์ได้สั่งสอนศิษยานุศิษย์ให้ท่องทุกครั้งก่อนที่จะเรียนพระไตรปิฎกตลอดมา
ต่อมา
ต่อมา สมเด็จพระวันรัต (แดง สีลวฺฑฒโน) อดีตเจ้าอาวาสรูปที่ 3 ของวัดสุทัศน์ฯ ได้ภาวนาโดยใช้คาถานี้จนเกิดเป็นนิมิต จึงให้จิตรกรหลวงเขียนภาพนิมิตนั้นแล้วตั้งบูชาที่หัวนอน
ครั้นต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เสด็จประพาสยุโรป สมเด็จพระวันรัต (แดง) ได้ถวายคาถานี้ให้จำเริญ ครั้งเมื่อเสด็จกลับมาจึงได้ตรัสว่าคาถานี้ศักดิ์สิทธิ์นัก
พระคาถานี้เมื่อได้บริกรรมจึงพบความอัศจรรย์ว่า “ผู้ใดปัญญาดี จะสามารถเรียนวิชาทุกประการและจำได้แม่นยำ ผู้ใดปัญญาไม่ดีนักบริกรรมแล้วจะเป็นวาสนามหานิยม”