มรณานุสติ และประโยชน์ของมรณานุสติ
มรณานุสสติ คือ การนึกถึงความตายเป็นอารมณ์ ระลึกเสมอว่าเรื่องของความตายเป็นของธรรมดา เมื่อมีความเกิดมาแล้ว ก็ต้องตายในที่สุด ความตายนี้แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
1. สมุจเฉทมรณะ คือ ความตายขาดตอน หมายถึง ความตายของพระอรหันต์ ซึ่งเสร็จกิจแห่งพรหมจรรย์ คือสิ้นกิเลสและตัณหาที่จะควบคุมบังคับให้กลับมาเกิดอีก สมุจเฉทมรณะ แปลว่า ตายขาดตอนไม่กลับมาเกิดอีก
2. ขณิกมรณะ คือ ตายเล็กๆ น้อย ๆ เป็น ความดับ หรือการเคลื่อนไปของชีวิต ที่มีการเคลื่อนไป ผ่านไปของชีวิต
ซึ่งถือเป็นความตาย คือ ตายทุกลมหายใจออกและเกิดต่อทุกๆ ลมหายใจเข้า ให้มองเห็นสภาพของสังขารร่างกายว่ามีความตายเป็นปกติทุกวันเวลาอย่างนี้ท่านเรียกว่า ขณิกมรณะ แปลว่า ตายทีละเล็กละน้อย
3. กาลมรณะ และ อกาลมรณะ กาลมรณะ แปลว่า ตายตามกาล ถึงที่ตาย คือสิ้นอายุ ส่วนอกาลมรณะ แปลว่า ตายในโอกาสที่ยังไม่ถึงกาลควรตาย แต่ต้องตายเพราะกรรมบางอย่างที่เป็นอกุศลเข้ามาบีบคั้น การตายประเภทหลังนี้พอมีทางต่อให้อายุยืนยาวต่อไปได้ตามสมควรแก่กรรมในอดีต จะต่อให้เลยพอดีนั้นไม่ได้ พวกตายตามแบบกาลมรณะตายไปแล้วเสวยผลกรรมทันที แต่ พวกที่ตายตามแบบอกาลมรณะนี้ ตายแล้วยังไม่ไปเสวยผลกรรมทันที ต้องไปเป็นสัมภเวสี แสวงหาที่เกิดก่อน คือรอกาลที่จะถึงกาลมรณะก่อน เมื่อถึงเวลาแล้วจึงจะได้รับผลกรรมดีและกรรมชั่วที่ทำไว้ขณะที่ยังไม่ได้รับผลกรรมที่ทำไว้นั้นต้องลำบากในเรื่องอาหารและที่อยู่ ท่องเที่ยวไปตามความต้องการ พวกตายแบบอกาลมรณะนี้ ที่ชาวโลกนิยมเรียกว่า ตายโหง ไม่ใช่ป่วยตายตามธรรมดาเรียกว่า อกาลมรณะ คือตายก่อนกำหนด ตายทั้งนั้น การตายแบบนี้ ถ้ามีท่านผู้รู้ช่วย เหลือสามารถช่วยให้พ้นตายได้ เช่น ที่นิยมเรียกกันว่า สะเดาะเคราะห์หรือต่ออายุ
ประโยชน์ของมรณานุสติ
การระลึกถึงความตายจะทำให้เป็นคนไม่ประมาท พยายามรักษาศีล ๕ ให้บริสุทธิ์ครบถ้วนแล้ว ก็จะได้รับอานิสงส์ มีอายุยืน รูปสวย ไม่มีโรคภัยรบกวน คนในบังคับบัญชาอยู่ในโอวาทเป็นอันดี มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ มีสติปัญญา หากเห็นว่า ความเกิดเป็นโทษเป็นทุกข์ เพราะการเกิดเป็นจุดเริ่มต้นของวัฏสงสาร ได้แก่ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ก็ควรเร่งเจริญสมถะกรรมฐาน เจริญวิปัสสนาญาณให้จบกิจพระศาสนา
การเจริญมรณานุสสติกรรมฐานนี้ เป็นกรรมฐานหลักสำหรับเจริญวิปัสสนาญาณ แม้สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ก็ไม่ทิ้งมรณานุสสติกรรมฐาน คือนึกถึงความตายเป็นอารมณ์ วันหนึ่งพระองค์ตรัสถามพระอานนท์ว่า อานันทะ ดูก่อนอานนท์ เธอนึกถึงความตายวันละกี่ครั้ง พระอานนท์กราบทูลตอบว่า นึกถึงความตายวันละเจ็ดครั้งพระเจ้าข้า พระองค์ตรัสว่า ยังห่างมากอานนท์ ตถาคตนึกถึงความตายทุกลมหายใจเข้าออก การนึกถึงความตายเป็นปกติเป็นของดี แม้แต่พระพุทธเจ้ายังเฝ้าคิดถึงความตาย เพราะผู้ที่คิดถึงความตายรู้ตัวว่าจะตายแล้วย่อมไม่สั่งสมความชั่ว คอยปลีกตัวออกจากความชั่วและมีอารมณ์ไม่หวั่นไหวในเมื่อความตายมาถึง เพราะคิดอยู่รู้อยู่เสมอแล้วว่าเราต้องตายแน่ ความตายนี้หานิมิตเครื่องหมายไม่ได้กำหนดการเกิดหมอบอกได้แต่กำหนด เวลาตายไม่มีใครกำหนดได้แน่นอนสำหรับปุถุชนคนธรรมดา สำหรับพระอริยเจ้าหรือท่านที่ชำนาญในอานาปานุสสติกรรมฐานท่านสามารถบอกเวลาตายที่แน่นอนของท่านได้
หากเปรียบชีวิตไว้คล้ายกับขีดเส้นบนผิวน้ำ ขีดพอปรากฏว่ามีเส้นแล้วในทันทีเส้นที่ขีดนั้นก็พลันสูญไปชีวิตของ
สัตว์ที่เกิดมาก็เช่นเดียวกันความตายรออยู่แค่ปลายจมูกถ้าสิ้นลมปราณเมื่อไร ก็สิ้นภาวะเมื่อนั้นเอาความยั่งยืนไม่ได้เลย